อาเทน

อุเทน สมบูรณ์ค้ำชู หรือ “อาเทน” หนุ่มกราฟิกดีไซเนอร์ผู้หลงใหลเรื่องราวของกาแฟตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี โดยเฉพาะการหยิบผลเชอร์รี่กาแฟจากสวนหลังบ้านของชาวแม่แดดน้อย อำเภอกัลยานิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ มาแปรรูปด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับพื้นที่แล้งน้ำอย่าง natural process และ wet hulling เปลี่ยนต้นทุนที่ตัวเองเคยมองข้ามให้กลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพหลักที่ตัวเองภาคภูมิใจ นักแปรรูปกาแฟรุ่นใหม่คนนี้ไม่เพียงแต่สนุกกับการเรียนรู้และทดลองวิธีการแปรรูปกาแฟใหม่ๆ เท่านั้น ในใจลึกๆ ก็หวังด้วยว่าในอนาคตข้างหน้า กาแฟจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้ชาวแม่แดดน้อยมีรายได้และชีวิตที่ยั่งยืนมากขึ้น

Mr. Roots: ก่อนมาแปรรูปกาแฟ อาเทนทำอะไรมาก่อน

อาเทน : ผมจบสาขาออกแบบมัลติมีเดีย คณะคณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จบออกมาก็ทำอาชีพ freelance graphic designer ในเมืองเชียงใหม่อยู่ 4 ปี ลักษณะงานคือรับออกแบบกราฟิก ปั้นโมเดลสามมิติ ระหว่างที่เรียนหรือทำงานกราฟิกก็ถูกปลูกฝังเรื่องการทำร้านกาแฟมาเรื่อยๆ เพราะบ้านของเจ๊ที่ผมอาศัยอยู่ด้วยตั้งแต่ตอนเรียนเขาทำร้านกาแฟอินทนินท์ เขาก็สอนงาน ให้เริ่มงานตั้งแต่เป็นคนกวาดร้าน คนเสิร์ฟ แล้วก็ส่งไปเทรนด์เป็นบาริสต้า กลับมาก็ได้ทำหมดเลย เหมือนเป็นผู้จัดการร้าน

Mr. Roots: อะไรคือเหตุผลที่ทำให้อาเทนสนใจเรื่องกาแฟอย่างจริงจัง

อาเทน : ตอนเรียนปี 3 ผมกลับมาที่บ้าน พ่อบอกผมว่าบ้านเรามีกาแฟนะ แต่คนที่มารับซื้อเชอร์รี่กาแฟเขาซื้อราคาถูกมาก 7-8 บาทต่อกิโลกรัม พ่อก็ถามว่าเราไม่สนใจกลับมาทำเหรอ จริงๆ ตอนนั้นยังไม่สนใจ เพราะคิดไปเองว่าบ้านที่อยู่บนดอยของเราไม่ได้มีอะไร รู้สึกน้อยใจนิดๆ ที่เราไม่มีต้นทุนเท่ากับคนในเมือง แต่มีวันหนึ่งผมย้อนกลับไปมอง ต้นทุนที่ดีที่สุดของตัวผมก็คือกาแฟที่บ้านนี่นา หลังจากนั้นก็เริ่มหาความรู้เรื่องการแปรรูปกาแฟ แต่ตอนนั้นก็ทำได้ไม่เต็มที่มากเพราะว่ายังเรียนไม่จบ

กาแฟล็อตแรกที่แปรรูปเอง ผมทำแบบ dry process ผลลัพท์ที่ได้คือชงออกมากินแทบไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ก็มีพี่คนหนึ่งช่วยซื้อเพราะเห็นความตั้งใจ แถมพี่เขาก็ช่วยแนะนำหลายอย่างด้วย เช่น ควรแช่หรือตากกาแฟให้ถูกต้องยังไงและการดูแลเรื่องความสะอาด ประกอบกับที่บ้านเราไม่ค่อยมีน้ำ เขาก็แนะนำให้ผมแปรรูปแบบ natural เป็นหลัก หลังจากนั้นผมก็ค่อยๆ ลองผิดลองถูก พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ออกไปรู้จักในแวดวงกาแฟเยอะขึ้น และปีหลังจากนั้นก็เริ่มหาตลาดให้ตัวเองโดยการส่ง sample ไปให้โรงคั่วหลายๆ ที่ชิม ผมอยากให้กาแฟตัวเองขายได้ราคาดีขึ้นเพราะผลผลิตกาแฟในหมู่บ้านเรามีไม่มาก จะให้ทำแมสก็ไม่ไหว

ปีนี้เป็นปีที่ 6 ที่ผมทำกาแฟ ประจวบกับตอนนี้ผมมีภรรยาและลูกสาวอีก 2 คนเลยต้องย้ายไปอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดอุบลราชธานี เปิดร้านกาแฟกันที่นู่น ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวหรือแปรรูปกาแฟผมก็กลับมาบ้านนานหน่อยเพื่อทำกาแฟสำหรับใช้ในร้าน ช่วงนี้ผมกำลังสนใจและพยายามศึกษาหาความรู้เรื่องการคั่วกาแฟ เพราะถ้าคั่วกาแฟเองได้ ในมุมของการทำธุรกิจมันคงช่วยประหยัดต้นทุนของร้านเราได้เยอะทีเดียว

Mr. Roots: ที่บ้านแม่แดดน้อยมีอะไรที่อาเทนชอบบ้าง

อาเทน : วิถีชีวิตเรียบง่าย สงบ ไม่วุ่นวายแบบบ้านแม่แดดน้อย เวลาอยู่บ้านเป็นอีกแบบหนึ่ง เข้าป่าก็อีกเป็นอีกแบบหนึ่ง มันอุดมสมบูรณ์ มีเสียงนก เสียงน้ำที่ให้ความรู้สึกร่มเย็น จริงๆ ผมชอบเข้าป่าไปยิงนกตกปลา จำได้เลยว่าสมัยเด็กๆ ผมชอบจับปลาก้าง จับได้ทีหนึ่งก็เอาไปอวดพ่อ ดีใจมากเลยตอนนั้น (หัวเราะ)

Mr. Roots: อาเทนมองภาพตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้าไว้แบบไหน

อาเทน : อีก 5 ปีผมอยากช่วยพัฒนากาแฟและคุณภาพชีวิตของคนในหมู่บ้าน ผมมองว่าถ้าผมทำธุรกิจนี้แล้วมันอยู่ได้หรือมีที่ทางให้ไปได้ ผมก็อยากพาคนอื่นๆ ในหมู่บ้านไปกับเราด้วย

Mr. Roots: กาแฟมีความหมายกับอาเทนอย่างไรบ้าง

อาเทน : กาแฟน่าจะเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ ถ้าขาดมันไป เทนก็คงไม่รู้ว่าจะทำอะไร อย่างตอนเรียนอยู่เราอาจจะก้าวเข้ามาในวงการนี้ด้วยขาข้างเดียว แต่ตอนนี้เราก้าวเข้ามาทั้งตัว มันกลายเป็นส่วนหนึ่ง เป็นความสุขของชีวิตเทนไปแล้ว

Mr. Roots: กาแฟแก้วโปรดของอาเทนเป็นแบบไหน

อาเทน : กาแฟดำครับ แล้วก็ชอบกาแฟที่มาจาก dry process สำหรับผมมันเป็นกาแฟที่ให้กลิ่นและรสชาติซับซ้อนน่าค้นหา ตอนที่ร้อนหรือตอนที่อุณหภูมิลดแล้วก็ให้รสสัมผัสต่างกัน มีมิติมากกว่ากาแฟแบบ wash

Mr. Roots: ถ้าทุกวันนี้ไม่ได้ทำกาแฟ คิดว่าตัวเองน่าจะทำอะไรอยู่

อาเทน : คิดว่าน่าจะยังทำอาชีพกราฟิกดีไซเนอร์อยู่ครับ

Mr. Roots: อยากฝากอะไรถึงลูกค้าของเราบ้างไหม

อาเทน : ขอบคุณก่อนเลยครับที่ช่วยอุดหนุนกาแฟไทยและอุดหนุนกาแฟของผมที่ช่วยให้ผมลืมตาอ้าปากได้ ผมอยากขอบคุณ Roots ที่ช่วยซื้อกาแฟ แล้วก็ขอบคุณล่วงหน้าที่อุดหนุนกาแฟของผมต่อ (ยิ้ม) ผมจะตั้งใจทำกาแฟออกมาให้ดีที่สุด