อาร์ตได้ไปโตเกียวเพื่อร่วมงาน SCAJ World Specialty Coffee Conference and Exhibition 2018 ในทริปนี้ อาร์ตลองกาแฟมาทั้งหมดประมาณ 10 ร้าน แต่มีร้านที่อยากแนะนำเป็นพิเศษอยู่ 3 ร้าน จะเป็นร้านอะไรบ้างนั้นมาลองดูกัน
ในโตเกียวเราจะเห็นร้านกาแฟสองแบบ แบบแรกคือร้านประเภท second wave coffee เน้นกาแฟคั่วเข้ม บอดี้แน่น และอโรมาชัดเจน ส่วนอีกแบบคือ third wave coffee ซึ่งแบบหลังนี่จะนำเสนอกาแฟที่รสชาติหลากหลายขึ้น มีความซับซ้อนในรสชาติ
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา อาร์ตได้ไปโตเกียวเพื่อร่วมงาน SCAJ World Specialty Coffee Conference and Exhibition 2018 เป็นงานที่แนะนำให้ผู้มาร่วมงานได้รู้จักนวัตกรรมการทำกาแฟแบบใหม่ๆ ที่ช่วยให้ทำกาแฟได้สะดวกขึ้น ซึ่งในฐานะบาริสตาแล้ว เราสนุกกับการได้ใช้ทักษะต่างๆ เวลาชงกาแฟมากกว่าก็จริง แต่มันก็ชวนให้คิดเหมือนกันว่าความสะดวกจากเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ นี้อาจจะเป็นเทรนด์ของกาแฟในอนาคตหรือเปล่า
อย่างที่รู้กันว่าโตเกียวเป็นเมืองที่มีร้านกาแฟเยอะมาก เยอะเหมือนที่บ้านเรามี 7-11 แล้วร้านกาแฟส่วนใหญ่ก็เสิร์ฟ specialty coffee ด้วย อาร์ตเลยถือโอกาสไปฮอปร้านกาแฟที่นั่นมา ซึ่งก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ในโตเกียวเราจะเห็นร้านกาแฟสองแบบ แบบแรกคือร้านประเภท second wave coffee เน้นกาแฟคั่วเข้ม บอดี้แน่น และอโรมาชัดเจน ส่วนอีกแบบคือ third wave coffee ซึ่งแบบหลังนี่จะนำเสนอกาแฟที่รสชาติหลากหลายขึ้น มีความซับซ้อนในรสชาติ
ในทริปนี้ อาร์ตลองกาแฟมาทั้งหมดประมาณ 10 ร้าน แต่มีร้านที่อยากแนะนำเป็นพิเศษอยู่ 3 ร้าน ก็คือ ARiSE, Bear Pond Espresso และ Saturday NYC
ARiSE
สำหรับอาร์ต เรื่องความอร่อยของรสชาติกาแฟเป็นเรื่องเฉพาะแต่ละคนมากๆ ก็เลยลองคิดดูว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องรสชาติแล้ว มีอะไรบ้างที่ทำให้เราอยากกลับไปร้านกาแฟร้านเดิมอีกครั้ง คำตอบที่ได้ก็คือเรื่องบรรยากาศและการบริการ อย่าง ARiSE นี่เป็นร้านที่อบอุ่น ทุกคนต้อนรับเราดีมาก เวลาอยู่ในร้านรู้สึกเหมือนทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด ไม่ได้แบ่งว่าเป็นลูกค้าหรือบาริสตา เพราะเขาจะแนะนำให้เรารู้จักลูกค้าคนอื่นด้วย กลายเป็นว่าทุกคนก็จะรู้จักกันหมดเลย
กาแฟของที่นี่จะเป็นกาแฟฟิลเตอร์เท่านั้น มีทั้งแบบร้อนและเย็น เมล็ดกาแฟที่ใช้แปรรูปแบบ natural process ทั้งหมด ซึ่งอันนี้มาจากความชอบส่วนตัวของที่ร้าน เมนูแนะนำก็คือกาแฟฟิลเตอร์นั่นละ ร้านนี้จะคั่วแบบไม่อ่อนเท่าไหร่ มีบอดี้หน่อยๆ รสชาติดี มีบาลานซ์
ที่น่ารักอีกอย่างก็คือเจ้าของร้านนี้เป็นคนญี่ปุ่นที่ชอบเมืองไทยมาก เขาเลยแต่งร้านแบบไทย เปิดเพลงลูกทุ่งในร้าน แถมเสิร์ฟกาแฟไทยด้วย เป็นร้านเดียวที่ไปมาแล้วเจอกาแฟไทย เสียดายอย่างเดียวก็ตรงที่เจ้าของร้านพูดภาษาไทยไม่ได้
พิกัด: 3-1-3 Koto, Kiyosumi / เวลาเปิด-ปิด: 9.30 น. – 18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) / เวลาเปิด-ปิด: 10.00 น. – 18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) / เว็บไซต์: http://arisecoffee.co.jp
Saturdays NYC
ตอนที่ไปงาน SCAJ World Specialty Coffee Conference and Exhibition อาร์ตได้ดูคุณทานากะ แชมป์บาริสตารายการ Specialty Coffee Association Japan ปี 2017 ลงแข่งด้วย ตอนที่ดูอยู่ เราไม่รู้ว่ากาแฟของเขารสชาติเป็นอย่างไร เพราะเราไม่ได้ชิมแล้วก็ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออก แต่สิ่งที่ทำให้ประทับใจมากก็คือวิธีการทำงานของเขาที่มีระเบียบมากๆ อย่างพอทำกาแฟเสร็จแล้วเขาก็จะทำความสะอาดทันที ซึ่งเราดูออกว่าเขาไม่ได้ทำเพราะอยู่ในการแข่งขัน แต่มันเป็นเหมือนนิสัยของเขามากกว่าที่จะต้องทำความสะอาดบาร์ให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา พอดูการแข่งขันจบก็เลยหาข้อมูลทันทีว่าเขาเป็นบาริสตาประจำร้านไหน
Saturdays NYC เป็นร้านที่อาร์ตไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน และแน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในลิสต์ร้านที่คิดว่าจะไป แต่เพราะคุณทานากะทำให้ตัดสินใจแทรกร้านนี้ลงไปในทริป พอไปถึงถึงได้รู้ว่าร้านนี้เป็นร้านขายเสื้อผ้า มีบาร์กาแฟเล็กๆ อยู่ในร้าน ขายทั้งเอสเปรสโซและกาแฟดริป
วันที่ไป คุณทานากะไม่อยู่ร้านเพราะต้องเตรียมตัวเพื่อแข่งในวันรุ่งขึ้น แต่อาร์ตก็ลองสั่งกาแฟเพราะอยากเห็นการทำงานของบาริสตาที่นั่น ซึ่งทุกคนในร้านทำงานได้ดีมาก รักษาความสะอาดจนเราประทับใจ เมนูแนะนำของร้านนี้ก็คือ Red Eye ซึ่งเป็นกาแฟดริป เพิ่มเอสเปรสโซช็อต รสชาติก็จะคล้ายกับเวลาดื่มกาแฟดริป แต่ได้รสชาติและบอดี้ที่หนักขึ้น กลิ่นก็หอมขึ้นด้วย
พิกัด: 1-5-2 Aobadai, Meguro-Ku / เวลาเปิด-ปิด: 9.00 น. – 19.00 น. / เว็บไซต์: www.saturdaysnyc.com/location/tokyo
Bear Pond Espresso
Bear Pond Espresso เป็นร้านกาแฟแบบโอลด์สกูลที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2552 สิ่งแรกที่ประหลาดใจตอนที่ไปถึงร้านนี้ก็คือกาแฟของเขาคั่วเข้มมากจนเมล็ดกาแฟออกสีดำเข้มเลย จนเราสงสัยว่าแล้วจะกินได้ไหมนะ แต่พอลองสั่งเอสเปรสโซช็อตมาก็ต้องประหลาดใจอีกรอบ เพราะกาแฟเขาหวานมาก ไม่ขมอย่างที่คิดเลย ทั้งที่ตามปกติแล้วกาแฟที่คั่วเข้มอย่างนี้จะไม่ค่อยเหลือรสหวาน เราเลยสงสัยมากว่าเขาทำได้อย่างไรทั้งตอนที่คั่วและตอนดึงช็อตเอสเปรสโซ นอกจากเอสเปรสโซช็อตแล้ว อาร์ตยังได้ลองกาแฟนมทั้งแบบร้อนและเย็น ซึ่งหอมมันและครีมมีมาก เลยประทับใจร้านนี้มากเพราะให้ความรู้สึกเหมือนร้านกาแฟยุคเก่าที่เสิร์ฟกาแฟคั่วเข้มๆ แต่ไม่ขมกัน
อีกเรื่องที่ประทับใจก็คือเจ้าของร้านนี้ ก่อนมามีหลายคนเตือนว่าเจ้าของร้านดุมาก ไม่ให้ถ่ายรูปเลย อาร์ตก็ลองชวนเขาคุยดู ชวนถ่ายเซลฟีด้วยอีกต่างหาก (หัวเราะ) พอคุยกัน เขาก็เล่าให้ฟังว่ากาแฟมีสองด้าน ถ้ามีคนที่ชอบรสชาติที่ซับซ้อน ก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบรสชาตินี้ เขาเลยอยากนำเสนอรสชาติอีกด้านของกาแฟ เหมือนกับรองเท้ากีฬาที่มีคนใส่ทั้ง Nike และ Adidas ซึ่งเขาไม่ได้เป็นทั้งสองอย่าง แต่เลือกเป็น Asics หรือ New Balance แทน
ถ้าใครชอบรสชาติที่ออกช็อกโกแลตและถั่ว น่าจะเหมาะกับกาแฟของร้านนี้ เมนูแนะนำก็คือ Dirty Coffee ซึ่งเป็นกาแฟนม กับ Angle Stain ซึ่งเมนูนี้จะเหมือนกับเอสเปรสโซช็อต แต่จะใช้เทคนิคบางอย่างในการวัดค่าในเอสเปรสโซ ทำให้เมื่อทำช็อตเสร็จแล้ว ช็อตที่ได้จะมีรสหวานเป็นพิเศษ
พิกัด: 1-17-1 Shibuya, Shibuya-ku / เวลาเปิด-ปิด: จันทร์-ศุกร์ 10.00 น. – 23.00 น., เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด 11.30 น. – 23.00 น. / เว็บไซต์: www.bear-pond.com