Mr. Roots: ก่อนจะมาปลูกกาแฟ พี่สมจิตทำอะไรมาก่อน
พี่สมจิต: งานหลักของผมเลยก็คือทำเมี่ยงขาย แล้วปลูกกาแฟเป็นอาชีพเสริม แต่ตอนนี้กาแฟคืองานหลักงานเดียวของผม
Mr. Roots: แถวนี้มีอะไรที่พี่ชอบบ้าง
พี่สมจิต: ชอบอยู่ที่ขุนลาวนี่ก็ตรงที่ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาตินี่ล่ะ
Mr. Roots: อะไรที่ทำให้พี่เริ่มหันมาสนใจเรื่องกาแฟ
พี่สมจิต: ตอนแรกๆ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับกาแฟเท่าไหร่หรอก แต่ก็อยากรู้นะ เลยลองปลูกเองแล้วดูว่ามันจะเป็นยังไง พวกเพื่อนบ้านพอเห็นผมปลูกกาแฟเขาก็บอกว่า เออ ไอเดียดีนะที่ลองทำอย่างอื่นบ้างนอกจากขายเมี่ยง พอกาแฟที่ผมปลูกก็ได้รางวัลจากมูลนิธิโครงการหลวง มันก็ยิ่งเป็นกำลังใจให้ผมทำต่อมาเรื่อยๆ
Mr. Roots: กาแฟมีความหมายกับพี่สมจิตอย่างไรบ้าง
พี่สมจิต: ผมไม่แน่ใจว่ากาแฟมีความหมายกับตัวเองในแง่ไหน แต่ที่ผมหวังไว้ก็คือ กาแฟจะนำสิ่งดีๆ มาให้และทำให้เราสามารถพัฒนาคุณภาพของกาแฟจากบ้านขุนลาวให้ดีขึ้น
Mr. Roots: พี่สมจิตมองภาพตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้าไว้แบบไหน
พี่สมจิต: ก็น่าจะยังทำงานอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ผมยังต้องทำต่อไปและไม่อยากหยุดทำด้วย ผมอยากจะรู้เรื่องตลาดให้มากขึ้น เข้าใจเรื่องความต้องการของลูกค้า และในขณะเดียวกันก็พัฒนามาตรฐานกาแฟของผมให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
Mr. Roots: ตัวพี่เองชอบกาแฟแบบไหน
พี่สมจิต: กาแฟดำ ใส่น้ำผึ้งนิดๆ ให้มันหวานหน่อยๆ
Mr. Roots: ถ้าทุกวันนี้ไม่ได้ปลูกกาแฟ พี่สมจิตคิดว่าตัวเองน่าจะทำอะไรอยู่
พี่สมจิต: ก็น่าจะปลูกกาแฟอยู่ดีนะ เพราะเอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากทำอย่างอื่น ผมรักธรรมชาติ ชอบอยู่ใกล้ป่าไม้ กาแฟก็เลยเป็นคำตอบสำหรับตัวเอง บางทีถึงตอนนั้นอาจจะหันมาปลูกอโวคาโดก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผมก็ยังเลือกเกษตรกรรมมากกว่าการทำธุรกิจอื่น เพราะมันคือสิ่งที่ผมอยากทำไปตลอดชีวิต
Mr. Roots: พี่สมจิตอยากฝากอะไรไปถึงลูกค้าของเราบ้างไหม
พี่สมจิต: ผมใส่ใจลงไปกาแฟที่ปลูกจริงๆ แล้วก็มีความสุขกับการผลิตกาแฟที่ถูกใจลูกค้าและปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของกาแฟให้เหมาะกับความชอบของคนดื่ม