fbpx

เหตุผลที่เลือกใช้กาแฟไทยในการแข่งขัน National Thailand Barista Championship

เต้ โรดีโอ ลงแข่ง National Thailand Barista Championship 2018 (NTBC) เมื่อไม่นานมานี้ เขาใช้การแข่งขันเป็นโอกาสในการนำเสนอกาแฟไทย

เต้คุยกับ Mr. Roots เกี่ยวกับประสบการณ์ลงแข่งของเขา และเหตุผลที่เขาเลือกใช้กาแฟไทยในการแข่งขัน National Thailand Barista Championship 2018 (NTBC) 

เต้ โรดีโอ ลงแข่ง National Thailand Barista Championship 2018 (NTBC)เมื่อไม่นานมานี้ เขาใช้การแข่งขันเป็นโอกาสในการนำเสนอกาแฟไทย เพราะความจริงที่น่าเศร้าอย่างหนึ่งก็คือ กาแฟไทยมักจะไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควร แม้แต่ในการแข่งขันที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในประเทศไทย มีบาริสตาน้อยคนที่จะนำเมล็ดกาแฟปลูกในประเทศมาใช้ ในฐานะบาริสตาที่ผ่านการแข่งขันในสนามใหญ่มาก่อน เต้คุยกับ Mr. Roots เกี่ยวกับประสบการณ์ลงแข่งของเขา และเหตุผลที่เขาเลือกใช้กาแฟไทยในการแข่งขัน

Mr. Roots: แนะนำตัวเองกันก่อนเลย

เต้ โรดีโอ: สวัสดีครับ เราเป็นบาริสตาที่ Roots มา 2 ปีแล้ว ก่อนหน้าที่จะมาจริงจังกับเรื่องกาแฟ เราเคยเป็นนักดนตรีมาก่อนเกือบ 10  ปี

Mr. Roots: เมื่อไม่นานมานี้ เต้เพิ่งลงแข่ง National Thailand Barista Championship 2018 (NTBC) อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจสมัครเข้าแข่งขันในรายการนี้ และเต้ได้เรียนรู้อะไรจากงานนี้บ้าง

เต้ โรดีโอ: เรื่องตลกก็คือการลงแข่งขันไม่เคยอยู่ในแผนของตัวเองมาก่อนเลย เมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว เราเคยดูการแข่งขันงานนี้นิดหน่อย แล้วก็คิดเอาเองว่าการชงกาแฟแค่ 12 ที่ใน 15 นาทีนี่ง่ายมาก เพราะเราเคยชงกาแฟมากกว่า 1,000 ออร์เดอร์ในวันเดียวมาแล้ว ก็เลยคิดว่าการแข่งแบบนี้จะไปยากอะไร เรายังเคยลองชงกาแฟแล้วจับเวลาเล่นๆ เองด้วย จำได้ว่าพอทำได้ 12 แก้ว ในเวลา 8 นาที ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก และไม่คิดว่าจะลงแข่งเลยด้วยจนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว

เหตุผลที่ทำให้เปลี่ยนความคิดตัวเองและอยากลองลงแข่งขันในปีนี้มาจากที่ได้คุยกับ เต้ วรัตต์ เจ้าของ Roots ซึ่งเป็นคนบอกให้ลองดูการแข่งขัน NTBC อย่างละเอียด และลองมองว่าอะไรที่เราชอบหรือไม่ชอบในตัวบาริสตาแต่ละคนที่ลงแข่ง พอได้ตั้งใจดูแบบจริงจังถึงได้เห็นว่า การแข่งขันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย กว่าจะมาถึงจุดนั้นได้ต้องอาศัยการค้นคว้าข้อมูลและการฝึกซ้อม ยิ่งไปกว่านั้น เรายังเกิดความรู้สึกอยากทำให้กาแฟไทยกลายเป็นที่รู้จักในระดับโลก ซึ่งการลงแข่งก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสุดถ้าต้องการทำตามเป้าหมายนั้น

Mr. Roots: ทำไมถึงเลือกใช้กาแฟไทยในการแข่งขัน

เต้ โรดีโอ: หลังจากลองหาข้อมูลเบื้องต้นดูแล้วก็เห็นว่า ในการแข่งขันที่เป็นที่รู้จักพวกนี้ มีคนใช้กาแฟไทยลงแข่งน้อยมาก ซึ่งน่าจะเป็นเพราะภาพจำที่ว่าคุณภาพกาแฟไทยไม่ดีพอที่จะใช้ในการแข่งขันระดับโลก แต่ในการแข่งขัน World Barista Championship เมื่อปี 2016 มีบาริสตาคนหนึ่งใช้กาแฟที่ใกล้เคียงกับเมล็ดกาแฟที่ปลูกในไทย และกาแฟของเขาก็ยังทำคะแนนได้สูงถึงอันดับ 8 ของโลก เราเลยบอกกับตัวเองว่ากาแฟไทยสามารถไปยืนอยู่จุดนั้นได้เช่นกัน

การแข่งขันในเวทีนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำให้เห็นว่า ทุกวันนี้กาแฟไทยก้าวมาไกลแค่ไหนแล้ว และที่ดีกว่านั้นคือการที่เราสามารถใช้เมล็ดกาแฟที่ Roots มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพด้วย จริงๆ เราว่ามันเป็นความย้อนแย้งอยู่เหมือนกันนะที่ในการแข่งขันระดับโลก บาริสตาหลายคนเลือกใช้เมล็ดกาแฟหายาก ซึ่งคงจะมีแค่พวกเขาแล้วก็กรรมการเท่านั้นที่จะสามารถดั้นด้นหามาใช้ได้ พอหลังจากการแข่ง เมล็ดกาแฟพวกนั้นก็จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดในโลก แต่เพราะความหายากและราคาของเมล็ดกาแฟพวกนี้ทำให้คนทั่วไปแทบจะไม่มีโอกาสดื่มเลย ในฐานะคนทำกาแฟ เราควรจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าวงจรแบบนี้มันมีความยั่งยืนแค่ไหน และเป็นเส้นทางที่เราอยากให้กาแฟพิเศษเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าจริงๆ แล้วเราอยากให้ใครก็ตามสามารถดื่มกาแฟที่ดีที่สุดในโลกได้มากกว่าหรือเปล่า

Mr. Roots: เต้ใช้เมล็ดกาแฟจากไหนในการแข่งขัน

เต้ โรดีโอ: เราใช้เมล็ดกาแฟจากท่าสองยางในจังหวัดตาก ที่เลือกเมล็ดจากที่นี่ก็เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเมล็ดกาแฟที่ปลูกในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย ต้นกาแฟแถวนั้นอุดมสมบูรณ์แต่ไม่หนาแน่นเกินไป สารอาหารในดินก็เหมาะเจาะ ปริมาณแสงสว่างที่กาแฟได้รับก็กำลังดี ไม่มาก ไม่น้อยไป และเรายังรู้มาด้วยว่าเกษตรกรและคนแปรรูปกาแฟที่นั่นเขาใส่ใจกับกาแฟและธรรมชาติแวดล้อมจริงๆ

Mr. Roots: ช่วยเล่าเกี่ยวกับการแข่งขันให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เต้ โรดีโอ: คนที่ลงแข่งจะต้องทำกาแฟ 3 แบบ คือ เอสเปรสโซ กาแฟที่ใส่นม แล้วก็กาแฟซิกเนเจอร์ของเราเอง โดยเมนูซิกเนเจอร์นี่เราต้องคิดกาแฟสูตรพิเศษที่ใช้เมล็ดกาแฟที่เราเลือกมาเป็นตัวเด่น

เราตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ทุกอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอยากให้คนเห็นว่าการทำกาแฟที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงหรือเมล็ดกาแฟที่หายากก็ทำได้ นอกจากนี้ เรายังอยากผลักดันให้คนในวงการกาแฟได้มองกาแฟไทยในมุมใหม่ ให้เห็นว่าถ้าเราทุ่มเทและพยายามพัฒนาคุณภาพของเมล็ดกาแฟ เราก็สามารถพากาแฟไทยไปสู่ระดับโลกได้ ในการแข่งขันครั้งนั้น กรรมการให้คะแนนกาแฟที่ทำ 3 คะแนน ซึ่งเราคิดว่าเป็นก้าวที่สำคัญและถึงแม้จะยังมีช่องว่างที่สามารถพัฒนาต่อได้ แต่อย่างน้อยมันก็ดีตรงที่ได้รู้ว่าเป้าหมายของเราไม่ได้ไกลเกินเอื้อม

Mr. Roots: วางแผนไว้ว่าจะลงแข่งอีกไหมในปีหน้า

เต้ โรดีโอ: คิดไว้อย่างนั้นนะ แต่จะลองเปลี่ยนเมล็ดกาแฟที่ใช้และทดลองไอเดียใหม่ๆ ดู แค่นึกถึงเรื่องนี้ก็ตื่นเต้นมากจนรอให้ถึงครั้งต่อไปไม่ไหวแล้วละ

SHARE

Thank you for subscribe

Thank you! We'll be in touch.

OKAY